กึ่งพุทธกาลแล้ว..............

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

~ว่าด้วยเรื่อง แก้ว 7 ประการ ของพระมหาจักรพรรดิ์ ~

ผู้ที่จะเป็นพระมหาจักรพรรดิได้นั้นจักต้องมีบุญญาธิการ บำเพ็ญพระบารมีมามากแล้ว (อย่างน้อยต้องเต็ม ๑๐ ทัศ ) และเมื่อได้เป็นพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งมีอยู่ ๒ ประเภท คือ 

๑. มหาปนาทจักรพรรดิ และ 
๒. มหาสังขจักรพรรดิ 

ในกาลนั้นจะมีแก้ว ๗ ประการ ปรากฏขึ้นเป็นของคู่พระบารมี ดังนี้ มหาปนาทจักรพรรดิ นั้น เป็นเนรมิตนาม ของพระจักรพรรดิราชาธิราช ทุกพระองค์ที่ทรงมี สัตตรัตนสมบัติ ๗ ประการ กับมี คทาใหญ่ อันเป็นนิมิตสมบัติจักรพรรดิชุดบก หรือชุดแผ่นดิน เช่นเดียวกัน มหาสังขจักรพรรดิ ก็ทรงมี สัตตรัตนสมบัติ ๗ ประการ กับมี สังข์ใหญ่ หรือมหาสังข์ อันเป็นนิรมิตสมบัติจักรพรรดิชุดน้ำ หรือชุดทะเล สัตตรัตนสมบัติ ๗ ประการนั้น คือ 


๑) จักรรัตนะ จักรแก้ว 



๑. จักรรัตนะ หรือ จักรแก้ว จมอยู่ในท้องมหาสมุทรลึกได้ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ดุมเป็นแก้วอินทนิล ประกอบไปด้วยแก้วทั้ง ๗ ประการ มีพันซี่ หัวกำอันฝังเข้าไปในดุมเป็นเงิน และทองอันงาม มีรัศมีดุจพระอาทิตย์ ครั้นพระมหาจักรพรรดิปรากฏขึ้น จักรแก้วนี้ก็จะทะยานขึ้นจากท้องมหาสมุทร ร่อนลงที่ประตูเมือง แล้วกระทำทักษิณาวัตรรอบเมือง จากนั้น จะเข้าไปสู่พระราชมณเฑียรของมหาจักรพรรดิ กระทำทักษิณาวัตรรอบมณเฑียร แล้วเข้ามานบนอบที่เบื้องบาทแห่งองค์ พระมหาจักรพรรดิ ซึ่งจักรแก้วนี้มีฤทธิ์สามารถปราบได้หมดทุกทวีป ไม่อาจที่จะหามนุษย์ผู้ใดต่อต้านได้ เมื่อพระมหาจักรพรรดิยกทัพ จักรแก้วสามารถทำให้ ทั้งกองทัพเดินทางกลางเวหาเหมือนเหล่าทัพของเทพยดา

๒) หัตถีรัตนะ ช้างแก้ว



๒. หัตถีรัตนะ หรือ ช้างแก้ว ครั้นพระมหาจักรพรรดิปราบได้ทุกทวีปแล้ว จะทำการสร้างโรงช้างประดับด้วยเงิน และทอง และแก้ว ๗ ประการ จากนั้นจึงปูลาดด้วยผ้าหลายชั้น เอาข้าวตอกดอกไม้โปรยทั่วโรงช้าง แล้วพระมหาจักรพรรดิ จะทำทานรักษาศีล ๗ วัน แล้วคำนึงถึงช้างแก้ว ช้างแก้วตระกูลฉัตรทันต์ หรือตระกูลอุโบสถ ก็จะเหาะมาลงที่โรงช้าง ช้างแก้วนี้จะเป็นช้างเผือก มีงวงแดงงามดั่งดอกบัวแดง สามารถเดินทางทางเวหาด้วยความรวดเร็ว มีพละกำลังมหาศาล

๓) อัสสรัตนะ ม้าแก้ว


๓. อัสสรัตนะ หรือ ม้าแก้ว พระมหาจักรพรรดิ จะทำการสร้างโรงม้าประดับด้วยเงิน และทอง และแก้ว ๗ ประการ จากนั้น จึงปูลาดด้วยผ้าหลายชั้น เอาข้าวตอกดอกไม้โปรยทั่วโรงม้า แล้วพระมหาจักรพรรดิจะทำทานรักษาศีล ๗ วัน แล้วคำนึงถึงม้าแก้ว ม้าแก้วอันงามดังสีเมฆหมอกขาว และมีลายเขียวดังสายฟ้าแลบ มีกีบเท้าทั้งสี่ และหน้าผากแดงดังน้ำครั่ง กำยำล่ำสัน ขนหัวนั้นดำเลื่อมงามดังดำกา เรืองงามดังแก้วอินทนิล ก็จะเหาะมาลงที่โรงม้า ม้าแก้วสามารถเดินทางทางเวหาเช่นกัน


๔) มณีรัตนะ มณีแก้ว แก้วทับทิม



๔. มณีรัตนะ หรือ แก้วมณี พระมหาจักรพรรดิจะต้องทำทานรักษาศีล ๘ แล้วคำนึงถึงแก้วรัตนะ มณีรัตนะ อันอยู่ที่วิบูลบรรพต ก็จะลอยมาหา มณีรัตนะนี้สามารถทำให้เวลากลางคืนสว่างดุจกลางวัน


๕) อิตถีรัตนะ นางแก้ว





๕. อิตถีรัตนะ หรือ นางแก้ว พระมหาจักรพรรดิจะต้องทำทานรักษาศีล ๘ แล้วคำนึงถึงนางแก้ว นางแก้วก็จะเหาะมาหา นางแก้วนี้มีฉวีวรรณเกลี้ยงเกลาสดใส ธุลีมิอาจเกาะติดกายนางสรีระ มีลักษณะอัน อุดมถ้วนทุกแห่ง มีรัศมีแผ่ออกรอบกายนาง ๑๐ ศอก มีพระพักตร์งดงาม เนื้อหนังอ่อนนุ่ม มีกลิ่นกายหอม ดั่งแก่นจันทน์กฤษณา กลิ่นปากหอมดังดอกบัวนิลุบล เมื่อร่างกายพระมหาจักรพรรดิหนาว ตัวนางแก้วจะอุ่น เมื่อร่างกายจักรพรรดิร้อนตัวนางแก้วจะเย็น และนางแก้ว จะมีรสสัมผัสอันเป็นทิพย์


๖) คหบดีรัตนะ ขุนคลังแก้ว 




๖. คหบดีรัตนะ หรือ ขุนคลังแก้ว พระมหาจักรพรรดิจะต้องทำทานรักษาศีล ๘ แล้วคำนึงถึงขุนคลังแก้ว มหาเศรษฐีผู้ประเสริฐ ก็จะเหาะมาหาพระองค์ ขุนคลังแก้วนี้ จะสามารถทำให้ มหาจักรพรรดิพอพระทัย ทุกประการ มีคุณวิเศษคือ มีตาทิพย์ หูทิพย์ และสามารถนำทรัพย์สมบัติมาได้แม้จะอยู่ที่ใดก็ตาม




๗) ปรินายกรัตนะ ขุนพลแก้ว





๗. ปริณายกรัตนะ หรือ ขุนพลแก้ว พระมหาจักรพรรดิจะมีโอรสพันกว่าองค์ ล้วนเป็นผู้แกล้วกล้า แต่ลูกคนโตจะ ประเสริฐกว่าน้องทั้งหลาย ได้เป็นลูกแก้ว



ถ้าสังเกตุ ภาพจิตรกรรมที่บานประตูและหน้าต่าง พระวิหาร 
บ่งบอกถึงสมบัติของพระมหาจักรพรรดิ์



การที่มีสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ประการนั้น  สันนิษฐานว่า  ภาพเหล่านี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า  การที่พระเจ้าจักรพรรดิจะได้สมบัติทั้ง ๗ ประการนี้  ก็ด้วยการประพฤติธรรมคือจักกวัตติวัตร  มีการปกครองประเทศโดยธรรม เป็นต้น  แม้คนทั่วไปก็เช่นกัน  ถ้าจะให้สมบัติเกิดขึ้นแก่ตนก็ต้องประพฤติธรรม   ไม่ว่าจะเป็นมนุษยสมบัติ  สวรรค์สมบัติ  และนิพพานสมบัติ  บุคคลจะได้รับก็ด้วยการประพฤติธรรมทั้งสิ้น



1 ความคิดเห็น:

----------------------------- มาตามสัญญา ----------------------------

~ ความสว่างใสบริสุทธิ์ ศีลธรรม จะกลับมา ~

~ เปิดดวงตา กัน ~